จีนศึกษา (วันเสาร์ที่ ๑๑ พ.ย.๖๐) ขอนำเสนอข้อมูลและข่าวสารเกี่ยวกับผู้นำจีนได้เข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปค ครั้งที่ ๒๕ ระหว่างวันที่ ๑๐ – ๑๑ พ.ย.๖๐ ณ เมืองดานังประเทศเวียดนาม และหลังเสร็จสิ้นการประชุม ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีกำหนดการเยือนเวียดนามและลาวอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๔ พ.ย.๖๐ ตามลำดับ โดยเยือนเวียดนามตามคำเชิญของนายเหวียน ฝู จ่อง (Nguyen Phu Trong) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม และ พลเอก เจิ่น ดั่ย กวาง(Tran Dai Quang) ประธานาธิบดีเวียดนาม รวมทั้งเยือนลาวตามคำเชิญของ นายบุนยัง วอละจิด ประธานประเทศลาว ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. เป้าหมายของจีนในการเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเปค
๑.๑ นายหลี่ เป่าตง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า จีนให้ความสำคัญในระดับสูงมากต่อการกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมผู้นำวงการอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมเอเปค โดยหัวข้อหลักของการประชุมผู้นำเอเปคครั้งนี้คือ 'สร้างแรงขับเคลื่อนใหม่ ร่วมกันบุกเบิกและรับประโยชน์ในอนาคต' มีผู้นำและตัวแทนของเขตเศรษฐกิจต่างๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในระดับลึกเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เช่น ความเป็นหนึ่งเดียวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค การพัฒนาที่เกื้อกูลกัน การเติบโตด้วยนวัตกรรม การเชื่อมโยงกัน ความปลอดภัยด้านการเกษตรและธัญญาหาร นอกจากนี้ ความคิดเห็นพ้องกันที่เกิดจากการประชุมครั้งนี้ได้บรรจุไว้ในปฏิญญาว่าด้วยการประชุมผู้นำเอเปคครั้งที่ ๒๕ และจีนเห็นว่าการประชุมครั้งนี้ ได้ประสบความสำเร็จในหลายประการ คือ
๑.๑.๑ ประการแรก ในการร่วมกันรักษาแนวทางการพัฒนาที่เปิดกว้างในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค ส่งสัญญาณที่ถูกต้องให้แก่ภายนอก เพิ่มพลังทางบวกให้แก่เศรษฐกิจโลกลักษณะเปิดกว้าง
๑.๑.๒ ประการที่สอง ในการร่วมกันสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่แก่การพัฒนาของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ขับเคลื่อนและปฏิบัติตามแผนการเชื่อมโยงในด้านต่างๆ ในเอเชีย-แปซิฟิค ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจภาคจริงของสมาชิกต่างๆ
๑.๑.๓ ประการสุดท้าย ในการร่วมกันวางแผนความร่วมมือในวันข้างหน้า โดยจีนจะร่วมมือกับทุกฝ่ายต่อไป ผลักดันการพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิกให้เป็นไปอย่างมั่นคง ส่งเสริมการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคและของโลก
๑.๒ นายหวาง โซ่วเหวิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า การประชุมผู้นำเอเปคครั้งนี้ ได้ประสบความสำเร็จด้านเศรษฐกิจและการค้า ประกอบด้วย
๑.๒.๑ ประการแรก การผลักดันความคล่องตัวทางการค้าในทุกด้าน อนุมัติกรอบอำนวยความสะดวกแก่อีคอมเมิร์ซข้ามชาติเอเปค ร่างกรอบตรวจสอบแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับการเชื่อมโยงทางด้านห่วงโซ่อุปทานเอเปค ส่งเสริมความร่วมมือด้านธุรกิจบริการในทุกด้าน
๑.๒.๒ ประการที่สอง ทำให้ผลการประชุมปักกิ่งปรากฏเป็นจริงขึ้น ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตการค้าเสรีในเอเชีย-แปซิฟิก และผลักดันความร่วมมือด้านห่วงโซ่มูลค่าโลกให้ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยลงลึกความร่วมมือด้านด่านศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ และห่วงโซ่อุปทานสีเขียว
๑.๒.๓ ประการสุดท้าย ส่งสัญญาณที่สนับสนุนระบบการค้าแบบพหุภาคี
๒. ส่วนเป้าหมายในการเยือนเวียดนามและลาวนั้น นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า จีนจะขยายการค้าแบบทวิภาคีกับเวียดนามและลาวต่อไป โดยส่งเสริมการลงทุนซึ่งกันและกัน เร่งการสร้างสรรค์เขตความร่วมมือด้านเศรษฐกิจข้ามชาติและเขตชายแดน เพื่อบรรลุชัยชนะร่วมกัน สำหรับในปีนี้ (พ.ศ.๒๕๖๐) ได้ตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับยอดมูลค่าการค้าระหว่างจีนกับเวียดนาม ซึ่งมีความหวังว่าจะถึง ๑๐๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในปีหลังๆ ที่ผ่านมานี้ จีนกับเวียดนามมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าใกล้ชิดยิ่งขึ้น การค้าระหว่างสองฝ่ายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจีนได้เพิ่มการนำเข้าจากเวียดนาม
๓. ข้อสังเกต ในห้วงระยะเวลาเดียวกันนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เริ่มการเยือนเอเชีย-แปซิฟิก อย่างเป็นทางการ รวม ๑๑ วัน เพื่อการสร้างความมั่นใจให้แก่ประเทศพันธมิตรในภูมิภาค โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือ TPP ได้ทำให้ประเทศต่างๆที่เกี่ยวข้องมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ รวมทั้งอาจใช้เวทีการเจรจานี้ พูดคุยและหาแนวร่วมในการป้องปรามเกาหลีเหนือเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนับเป็นการเดินทางครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี โดยตามกำหนดการ นายทรัมป์เดินทางไปฮาวาย (๔ พ.ย.๖๐) แล้วต่อด้วยการเยือนญี่ปุ่น (๕ – ๖ พ.ย.๖๐) เกาหลีใต้ (๗ พ.ย.๖๐) จีน (๘ – ๑๐ พ.ย.๖๐) และไปเวียดนามเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปค (๑๐ - ๑๑ พ.ย.๖๐) ต่อด้วยไปฟิลิปปินส์ (๑๒ - ๑๔ พ.ย.๖๐) เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดสหรัฐฯ-อาเซียน ตลอดจนกิจกรรมรำลึกครบ ๔๐ ปีความสัมพันธ์สหรัฐฯ กับอาเซียน
บทสรุป ไม่ว่าจีนกับสหรัฐฯ จะช่วงชิงบทบาทในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกันอย่างไร แต่ความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างจีนกับเวียดนามและลาวที่ใกล้ชิด ได้ทำให้บริษัทโลจิสติกหงเหอ (Honghe) จำกัด ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดกรมการรถไฟเมืองคุณหมิงของจีน ประสบความสำเร็จในการใช้รูปแบบการขนส่งรวมใหม่ข้ามชาติในลักษณะทางรถไฟเชื่อมทางหลวง นำส่งผลิตภัณฑ์โลหะผสมเหล็กกล้าจำนวน ๖๒ ตัน จากมณฑลหยุนหนาน (ยูนนาน) ให้ไปถึงกรุงเวียงจันทน์ เมืองหลวงประเทศลาว โดยขนส่งผ่านทางรถไฟรางคู่ขนาด ๑ เมตร (meter-gage) มณฑลหยุนหนาน-เวียดนามก่อน แล้วส่งต่อผ่านทางหลวงข้ามชาติ นับเป็นการเปิดดำเนินรูปแบบการขนส่งใหม่ทางรถไฟ-ทางหลวงระหว่างจีน เวียดนามกับลาว ซึ่งจะเพิ่มความปลอดภัย และลดต้นทุนโลจิสติกได้ ทำให้ในอนาคต วัสดุเหล็กและเหล็กกล้าของจีน จะมีทางเลือกในด้านการขนส่งไปถึงเวียดนามและลาวได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะที่ผลไม้จากอาเซียนที่มีรสชาติดีและราคาถูกได้รับความนิยมจากประชาชนจีน อาทิ ลิ้นจี่ของเวียดนามนับตั้งแต่วันเก็บเกี่ยวจะส่งถึงมือผู้บริโภคของจีน โดยใช้เวลาเพียง ๓ วันเท่านั้น
ประมวลโดย : พันเอก ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ http://thai.cri.cn/247/2017/11/03/223s260149.htm และเว็บไซต์ http://thai.cri.cn/247/2017/11/04/223s260161.htm รวมทั้ง http://thai.cri.cn/247/2016/12/23/62s249248.htm ตลอดจนเว็บไซต์ http://thai.cri.cn/247/2017/11/03/63s260121.htm )
|